บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น

อธิบายผังงานรับค่าอายุ
         1. Start เริ่มต้นการทำงาน
         2. รับค่าความสูงมาเก็บไว้ในตัวแปร  tall
         3. ตรวจสอบเงื่อนไขว่าความสูงุอยู่ในช่วง 1 ถึง  150  ซม. หรือไม่
         4. ถ้าใช่แสดงข้อความ You are  short ถ้าไม่ใช่ให้พิมพ์ You are tall
         5. Stop จบการทำงาน
เขียนโปรแกรมตามแผนที่กำหนด          เมื่อผู้เขียนโปรแกรมเขียนผังงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ
การเขียนโปรแกรมตามผังงาน ที่ได้กำหนดเอาไว้ ในกรณีที่เขียนด้วยภาษาซี
การเขียนโปรแกรมก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์และโครงสร้างของภาษาซี เท่านั้น 

ทดสอบและตรวจสอบความถูกต้อง 
         หลังจากขียนโปรแกรมเสร็จแล้วให้ทดลองคอมไพล์โปรแกรมว่ามีจุดผิดพลาดที่ใดบ้าง ในภาษาซีการคอมไพล์ โปรแกรมจะใช้วิธีการกดปุ่ม Alt + F9 ในกรณีที่ มีข้อผิดพลาด
จะแสดงในช่องด้านล่างของหน้าจอเอดิเตอร์ ในส่วนของกรอบ message ให้อ่านทำความเข้าใจ และแก้ไขตามที่โปรแกรมแจ้งข้อมูลผิดพลาด เมื่อเสร็จแล้วให้ทดลองรันโปรแกรม

นำโปรแกรมที่ผ่านการทดสอบไปใช้งาน 
         ถ้าหากรันโปรแกรมแล้วใช้งานได้แสดงว่าจะได้ไฟล์ที่มีส่วนขยายเป็น EXE เพื่อนำไปทดสอบ้งานในที่ต่างๆ และถ้านำไปใช้งานแล้วมีปัญหาก็ให้ทำการแก้ไขโปรแกรมอีกครั้ง แต่ถ้ารันโปรแกรมแล้วไม่มีปัญหาใดๆ แสดงว่าโปรแกรมนี้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นผู้เขียนโปรแกรม ก็ต้องจัดทำคู่มือประกอบการใช้งานและนำไปเผยแพร่ต่อไป

กำเนิดภาษาซี

           ด้วยศักยภาพและเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ที่แพรหลาย จึงทำให้มีผู้คิดค้นพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ภาษาซีขึ้น  คือ นายเดนนิส ริทชี่ (Dennis Ritchie) ที่ศูนย์วิจัยเบล (Bell Laboratories) ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.1972  และเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียนระบบปฏิบัติการยูนิกส์ ซึ่งใช้กันแพร่หลายในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ภาษาซีเป็นภาษาที่มีความใกล้เคียงกับภาษาระดับต่ำ (Low-Level Language) จึงทำให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถ  ที่จะกำหนดรายละเอียดของโปรแกรมให้เข้าถึงการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ให้มากที่สุดเพื่อให้เกิดความเร็ว ในการทำงานสูงสุด และในขณะเดียวกันภาษาซีก็ยังมีความเป็นภาษาระดับสูง (High-Level Language) ทำให้ผู้พัฒนา
        สามารถที่จะพัฒนาโปรแกรมได้ โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่ต้องการได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคำนึงถึงฮาร์ดแวร์ใด ๆภาษาซีเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นาย Bjarne Stroustrup  นักวิจัยและพัฒนาของศูนย์วิจัยเบล (Bell Laboratiories) ได้พัฒนาภาษา C++ (ซีพลัสพลัส) ขึ้นมา โดยที่ภาษา C++   มีความสามารถในการทำงานได้ทุกอย่างเหมือนกับภาษาซี ซึ่งมีรูปแบบและโครงสร้างของภาษาใกล้เคียงกัน แต่ภาษา C++ ใช้หลักการออกแบบโปแกรมเชิงวัตถุ (Object Oriented Design) ในขณะที่ภาษาซีใช้หลักการออกแบบโปรแกรม แบบโมดูลาร์ (Modular Design) 



ที่มา  http://www.lks.ac.th/anchalee/c_born.htm

ภาษาคอมพิวเตอร์


ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถึง ภาษาใดๆ ที่ผู้ใช้งานใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ด้วยกัน แล้วคอมพิวเตอร์สามารถทำงานตามคำสั่งนั้นได้ คำนี้มักใช้เรียกแทนภาษาโปรแกรม แต่ความเป็นจริงภาษาโปรแกรมคือส่วนหนึ่งของภาษาคอมพิวเตอร์เท่านั้น และมีภาษาอื่นๆ ที่เป็นภาษาคอมพิวเตอร์เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น HTML เป็นทั้งภาษามาร์กอัปและภาษาคอมพิวเตอร์ด้วย แม้ว่ามันจะไม่ใช่ภาษาโปรแกรม หรือภาษาเครื่องนั้นก็นับเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยทางเทคนิคสามารถใช้ในการเขียนโปรแกรมได้ แต่ก็ไม่จัดว่าเป็นภาษาโปรแกรม
ภาษาคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือ ภาษาระดับสูง (high level) และภาษาระดับต่ำ (low level) ภาษาระดับสูงถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่ายและสะดวกสบายมากกว่าภาษาระดับต่ำ โปรแกรมที่เขียนถูกต้องตามกฎเกณฑ์และไวยากรณ์ของภาษาจะถูกแปล (compile) ไปเป็นภาษาระดับต่ำเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถนำไปใช้งานหรือปฏิบัติตามคำสั่งได้ต่อไป ซอฟต์แวร์สมัยใหม่ส่วนมากเขียนด้วยภาษาระดับสูง แปลไปเป็นออบเจกต์โค้ด (object code) แล้วเปลี่ยนให้เป็นชุดคำสั่งในภาษาเครื่อง
ภาษาคอมพิวเตอร์อาจแบ่งกลุ่มได้เป็นอีกสองประเภทคือ ภาษาที่มนุษย์อ่านออก (human-readable) และภาษาที่มนุษย์อ่านไม่ออก (non human-readable) ภาษาที่มนุษย์อ่านออกถูกออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์สามารถเข้าใจและสื่อสารได้โดยตรงกับคอมพิวเตอร์ (แทบทุกชนิดเป็นภาษาอังกฤษ) ส่วนภาษาที่มนุษย์อ่านไม่ออกจะมีโค้ดบางส่วนที่ไม่อาจอ่านเข้าใจได้ แต่ออกแบบมาเพื่อให้โค้ดกระชับซึ่งคอมพิวเตอร์จะสามารถประมวลผลได้ง่ายกว่า

ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์

  • ภาษาโปรแกรม
  • ภาษาสคริปต์
  • ภาษามาร์กอัป
  • ภาษาสอบถาม
  • Transformation language
ที่มา  http://th.wikipedia.org

การเข้าสู่โปรแกรม Microsoft Word 2003

เข้าสู่โปรแกรม Microsoft Word 2003 
                     
                            1. คลิกที่ปุ่ม Start
                            2. เลื่อนเมาส์ไปที่คำสั่งโปรแกรมแล้วเลือก Microsoft Office
                            3.เลือกโปรแกรม Microsoft Word 2003 

จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail)

E-Mail คืออะไร
……จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) คือ การส่งข้อความหรือข่าวสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลอื่นๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเหมือนกับการส่งจดหมาย แต่อยู่ในรูปแบบของสัญญาณข้อมูลที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปลี่ยนการนำส่งจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์มาเป็นโปรแกรม และเปลี่ยนจากการใช้เส้นทางจราจรคมนาคมทั่วไปมาเป็นช่องสัญญาณรูปแบบต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะตรงเข้ามาสู่ Mail Box ที่ถูกจัดสรรใน Server ของผู้รับปลายทางทันที…
เราใช้ E-Mail ทำอะไรกัน
……ปัจจุบันนี้ด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก ทำให้ระบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลถึงกันสามารถทำได้อย่างง่ายดาย อินเตอร์เน็ตนับเป็นระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะมีผู้ใช้งานมากกว่า 25 ล้านคน ติดต่อเข้าใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อส่ง E-Mail
……E-Mail นับเป็นทางเลือกใหม่ของการติดต่อสื่อสาร ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบเครือข่าย ทำให้การส่งหรือรับ E-Mail ไม่ว่าผู้ส่งและผู้รับจะอยู่ที่ใด เป็นไปได้ในช่วงเวลาที่สั้นและรวดเร็ว สามารถส่งหรือรับข้อมูลได้ทันที และตลอดเวลาที่เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบ โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะสัมพันธ์กับค่าโทรศัพท์ที่ใช้ และค่าธรรมเนียมในการขอใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต
……เราใช้ E-Mail เพื่อส่งข้อมูลที่สามารถจัดเก็บในรูปแบบของแฟ้มข้อมูล (File) คอมพิวเตอร์ได้ทุกประเภท ไม่ว่านั่นจะเป็นเพียงข้อความจดหมายเพื่อพูดคุยธรรมดาหรือเป็นแฟ้มข้อมูลรูปภาพ รวมทั้งยังสามารถแนบแฟ้มข้อมูลเอกสาร หรือข้อมูลต่างๆได้อีกด้วย
ในเชิงธุรกิจ E-Mail จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการติดต่อสื่อสาร นอกจากนี้ยังสามารถส่งจดหมายฉบับเดียวกันถึงผู้รับปลายทางได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีการนำ E-Mail มาใช้เพื่อการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการได้อีกด้วย
มาทำความรู้จักและเรียนรู้วิธีใช้งาน E-Mail กัน
……ในการใช้งาน E-Mail จำเป็นจะต้องมี E-Mail Address เสียก่อน โดย E-Mail Address จะเป็นเหมือนที่อยู่ทางอินเตอร์เน็ตของแต่ละคน มักจะแทนด้วยชื่อหรือรหัสที่ใช้แทนตัว แล้วตามด้วยชื่อของ Mail Server ที่ให้บริการ เช่น somchai@isp.co.th โดยทั่วไป E-Mail Address จะประกอบด้วย
- User ID ใช้เป็นชื่อหรือรหัสประจำตัวของผู้ใช้บริการแต่ละคน
- เครื่องหมาย @
- Domain Name ของ Mail Server ที่ใช้บริการ
เมื่อต้องการส่ง E-Mail มีส่วนประกอบสำคัญที่ต้องให้รายละเอียด คือ
1. To: ระบุ E-Mail Address ของผู้รับปลายทาง
2. Subject: ใส่หัวเรื่องย่อๆของเนื้อหา
3. CC (Carbon Copy): เป็นการระบุ E-Mail Address ของผู้ที่เราต้องการให้ได้รับสำเนาของจดหมายฉบับนี้ด้วย
4. BCC (Blind Carbon Copy): เช่นเดียวกับ CC แต่ทำให้ผู้รับไม่ทราบว่าเราต้องการ ส่งใคร
5. Attachment: เราสามารถแนบไฟล์ไปกับการส่ง E-Mail ด้วยก็ได้
6. Body: เป็นเนื้อหาข้อความของจดหมาย
ที่มา : ชื่อ : นางสาวรุ่งฤดี ลุ้ยประเสริฐ  การศึกษา : ป.โททางด้านการจัดการระบบสาระสนเทศ ม.หอการค้าไทย  : ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่บริหารข้อมูลผู้โดยสาร บริษัทสายการบิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผน บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

การดาวน์โหลดข้อมูล

 ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการดึงข้อมูลมายังเครื่องที่เราใช้อยู่ ที่เรียกว่า การดาวน์โหลดข้อมูล  (Download)  โดยเป็นการดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ให้บริการไฟล์ โปรแกรมฟรีหรือทดลองใช้  โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
                1.  เข้าไปยังเว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลด ในที่นี้เลือก  www.download.com  พิมพ์ URL ที่ช่อง Address
                2.  
เลือกหาโปรแกรมที่ต้องการดาวน์โหลด โดยการพิมพ์ชื่อโปรแกรมลงในช่องค้นหาชื่อโปรแกรม เช่น ต้องการโปรแกรม Winamp  เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Search
               










3.       คลิกเลือกโปรแกรมที่ต้องการ คือ โปรแกรม Winamp
4.       เว็บไซต์จะบอกรายละเอียดของโปรแกรมที่ต้องการจะดาวน์โหลด เช่น ประเภท รุ่น วันที่  ขนาดไฟล์  คุณภาพของโปรแกรม เป็นต้น
5.       คลิกเลือกปุ่ม Download












6.       จะปรากฎหน้าต่าง Save as ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บโปรแกรม
7.       คลิกปุ่ม Save





8.  โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลด โดยมีหน้าต่างแสดงการโอนย้ายไฟล์ให้มองเห็น และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ก็ติดตั้งโปรแกรมนั้นตามขั้นตอนการติดตั้งของโปรแกรมต่อไป


ที่มา  http://www.nukul.ac.th/it/content/10/10.3-download.htm

การสืบค้นข้อมูล (Search Engine)

เสิร์ชเอนจิน (search engine) หรือ โปรแกรมค้นหา และคือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ 

สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา (ข้อมูลจาก นิตยสารฟอรบส์ ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)
1. กูเกิล (Google) 36.9%
2. ยาฮูเสิร์ช (Yahoo! Search) 30.4%
3. เอ็มเอสเอ็นเสิร์ช (MSN Search) 15.7%



นอกจากด้านบน เว็บอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมได้แก่
- เอโอแอล (AOL Search)
- อาส์ก (Ask)
- เอ 9 (A9)
- ไป่ตู้ (Baidu, 百度) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน


ที่มา http://www.clickmedesign.com/article/search-engine.html

รายละเอียดของเว็บบราวเซอร์


1.Firefox
คือ หลาย ๆ คนที่เล่นเน็ทเป็นเปิดเว็บไซท์เป็นคงจะรู้จักกับคำว่าเว็บบราวเซอร์ หรือโปรแกรมท่องเว็บ ส่วนใหญ่แล้วเราคงจะรู้จักกันแต่ Internet Explorer ของMicrosoft จอมผูกขาด คุณรู้หรือเปล่าว่า IE ที่คุณใช้อยู่นั้น ณ เวลาปัจจุบันมันไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย เพราะว่าทางทีมงานเค้าไม่ได้พัฒนามานานแล้ว ฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องถามหา ซึ่ง Firefox นั้นเป็นอินเทอร์เน็ทบราวเซอร์ตัวใหม่ที่จะเข้ามาแข่งกับ IE < Internet Explorer> นำทีมสร้างโดย Mozilla โดยมีนักพัฒนาต่อยอดอยู่ทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติของ Firefox ที่เด่นกว่า IE คือ โปรแกรมมีขนาดเล็กกว่าทำให้การโหลดข้อมูล ทางหน้าเว็บเพจทำได้รวดเร็ว  ใช้งานได้สะดวก  แท็บด้านบนทำให้ทำให้เข้าได้หลายเว็บไซด์พร้อมๆกันโดยไม่ต้องเปิด window ใหม่ อีกทั้งยังมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องอินเทอร์เน็ต เช่น เมนูของGoogle  สำหรับการค้นหาข้อมูล


คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Firefox
  • เป็นโปรแกรม Free Download ไม่ต้องตรวจสอบอะไร โหลดมาใช้ได้เลย 
  • ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็ก ใช้เวลาในการดาวโหลดไม่นาน
  • ไม่แฮงค์บ่อย ปลอดภัยจาก spy ware ต่างๆ
  • แก้ไขข้อบกพร่องได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีทีมงานพัฒนาอยู่ทั่วโลก มีการพัฒนาตลอดเวลา
  • สนับสนุนการใช้งานทั้ง Window MAX OS และ Linux ด้วย
  • มีลูกเล่นต่างๆ มากมาย ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาและการใช้งานได้ตามความถนัดของผู้ใช้ ด้วย themes, extensions ต่างๆ มากมาย

2.Opera
Opera เป็นเบราว์เซอร์จากนอร์เวย์โดยมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมและเชื่อถือได้ตั้งแต่สงครามเบราว์เซอร์ล่าสุดกับ Microsoft หลังจากที่แข่งขันได้ Opera ในช่วงอาชีพของส่วนใหญ่ของพื้นที่ฝัง, เช่นถนนโทรศัพท์มือถือขี่หมาป่าและกระตือรือร้น counter – พอใจเปิดตัวในระบบเดสก์ทอป
Opera ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2006 และการจัดตั้ง บริษัท ย่อยของจีน R & D ทีมนี้เป็นไอทีและโทรคมนาคมในประเทศจีน CEO Interview กับ Opera และ Opera Song Lin, ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจีนวัง Lihao จำนวนน้อยยากที่จะจินตนาการ, ผูกขาด Microsoft ในเขตเบราว์เซอร์หลายปีกลุ่มของ infidels"ที่จากโลกล่าสุดได้รับการต่อไปนี้ช่วงกลาง 90s จากเบราเซอร์นอร์เวย์ Opera นี้กับความจริงที่ว่าทนเงียบไป Microsoft เจ้าโลกผูกขาด IE เหล่านี้ไม่ยอมให้เผชิญหน้ากับความมืดเงียบที่ไม่เป็นจริงออกจากจุดประกาย คนเหล่านี้เช่น"ผู้นำศาสนา Apple"นำโดย Steve Jobs of Apple และแฟน Apple ไม่ซ้ำกัน แต่ยังมีผลประโยชน์ ดังนั้นเบราเซอร์โอเปร่าที่มีชื่อเสียงที่รู้จัก
กัน Swiss Army Knife
3.Safari
จากข้อมูลของทาง Apple.com ก็ได้กล่าวถึงโปรแกรม Safari ว่าเป็นโปรแกรมท่องเว็บไซต์ที่เร็วที่สุด โดยเปรียบเทียบกับ Browser อื่น เช่น Firefox หรือ Internet Explorer แต่ก็เป็นข้อมูลจากทาง Apple.com ซึ่งก็ขอให้ผู้อ่านฟังหูไว้หู อย่าเชื่อข้อมูลของทาง Apple.com มากนัก และจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนใช้งานมาทั้ง Safari Firefox และ Internet Explorer ในความรู้สึกส่วนตัวเห็นว่า Safari เองเร็วกว่า Internet Explorer อย่างเห็นได้ชัด แต่ต่างกับ Firefox เล็กน้อย โดยขั้นตอนการโหลดเว็บของ Safari จะกระตุกสักครู่แล้วมาหมดทีเดียวทั้งหน้าเลย ต่างจาก Firefox ที่จะมีกรอบเหลี่ยมๆ ก่อนแล้วแต่ละส่วนค่อยๆ โหลดมา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเทคนิคการเขียนโปรแกรมนั้นแตกต่างกัน
4.Crazy Browser
คือ"หน้ากาก"ครอบ IE ลงไปอีกทีหนึ่ง แล้วก็เพิ่มความสามารถต่างๆเข้ามา เพื่อให้การใช้เข้าดูเว็บต่างๆนั้น สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น เรามาดูคุณสมบัติคร่าวๆดังนี้

1. ติดตั้งได้กับทุกวินโดวส์ ตั้งแต่ 95 จนถึง 2003 ข้อแม้อย่างเดียวคือ ต้องมี IE อยู่ก่อนเท่านั้น
2. บล็อคพวก Popup โฆษณาต่างๆได้ และยังสามารถเพิ่มรายชื่อได้เองอีกด้วย
3. ในขณะที่ IE นั้น การเปิดหน้าใหม่จากการคลิกลิ้งก์ต่างๆ จะแยกเปิดเป็นตัวๆ บางทีก็เกลื่อนจอ แต่ตัวนี้จะเปิดหน้าใหม่ในลักษณะ Tab เหมือนๆกับโปรแกรม Excel จึงเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่า
4. สามารถตั้งค่าให้เปิดเป็นกลุ่มได้ เช่นคลิกครั้งเดียว เปิดหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเลย เป็นต้น
5. เวลาเลิกใช้งาน สามารถล้าง URL ที่เราเคยพิมพ์เข้าไปได้โดยอัตโนมัติ
6. สมมติว่าเปิดไว้ 20 เว็บพร้อมๆกัน สามารถยกถ้วยกาแฟพร้อมกับจับปาท่องโก๋ไว้อีกมือ ให้โปรแกรมเลื่อนไปให้ดูทีละเว็บๆแบบสไล้ด์โชว์
7. สำหรับคนชอบอะไรสั้นๆ สามารถพิมพ์เฉพาะชื่อเว็บ เช่น pantip แล้วกด Ctrl+Enter
8. มีช่อง Search ให้พิมพ์ค้นหาคำจากที่อื่นๆได้อีก 
5.Maxthon Browser
Maxthon เป็นเบราว์เซอร์ถูกดาวน์โหลด มากกว่า 463 ล้านครั้ง (ซึ่งสามารถดูได้จากหน้าเว็บของ Maxthon เลย) Maxthon (เดิมใช้ชื่อ MyIE2) เป็นเบราว์เชอร์ที่มีความแข็งเกร่ง มีพวกปลั๊กอินให้เราเลือกมากกว่า 1,400 ปลั๊กอินที่ทำให้เราสามารถใช้ Maxthon ได้อย่างสะดวกสบาย และยังมีสกินที่สวยๆให้เราเลือกปรับแต่งใช้งาน Maxthon ให้สวยหรูได้อีกด้วย
6. Google chrome 
Google Chrome คือ เว็บเบราว์เซอร์ใหม่สำหรับ Windows ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยทาง Google เอง และเป็นเบราว์เซอร์ที่รวมการออกแบบที่เรียบง่ายเข้ากับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเพื่อทำให้เว็บรวดเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้งานง่ายขึ้น รายละเอียดบางส่วนของ Google Chrome ค้นหาจากแถบที่อยู่ พิมพ์ในแถบที่อยู่ และรับคำแนะนำสำหรับทั้งหน้าการค้นหาและหน้าเว็บ ภาพขนาดเล็กของเว็บไซต์โปรดของคุณ เข้าถึงหน้าเว็บโปรดของคุณได้ทันทีอย่างรวดเร็วจากแท็บใหม่ใดๆ ก็ตาม การเรียกดูส่วนตัว เปิดหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตนเมื่อคุณไม่ต้องการบันทึกไว้ในประวัติการเรียกดูของคุณ
7. Internet Explorer 
 คือ โปรแกรม Internet Explorer เรียกย่อๆ ว่า IE เป็นโปรแกรมเบราเซอร์ที่ใช้ในการเปิดเว็บเพจในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็น Application Software ที่ผลิตโดยบริษัท Microsoft ส่วนประกอบที่สำคัญของโปรแกรม

การใช้งานโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์

Browser คืออะไร? เหตุไฉนใครก็กล่าวถึง

อธิบายอย่างง่ายว่า Browser คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถท่องเที่ยวไปในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดกั้นทางด้านพรมแดน นอกจากนี้ Browser ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งในขณะนี้บริษัทผลิตซอฟแวร์ค่ายต่างๆ นับวันจะทวีการแข่งขันกันในการผลิต Browser เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเว็บให้มากที่สุด หน้าตาของ browser แตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบการใช้งานของแต่ละค่ายโปรแกรม 
โปรแกรม Browser ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ Internet Explorer และ Nescape Navigator แม้ว่าโดยรวมแล้วทั้งสองมีหลักการทำงานที่ค่อนข้างคลายคลึงกัน แต่หน้าตาที่ผิดเพี้ยนกัน คือ ตำแหน่งเครื่องมือ และชื่อเรียกเครื่องมือ อาจทำให้คุณอาจเกิดการสับสนบ้าง หากว่าคุณใช้ Browser ค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นประจำ วันหนึ่งคุณอาจสนใจหยิบ Browser ของอีกค่ายหนึ่งมาลองใช้งานดู ความสนุกในการท่องเว็บไซต์ของคุณอาจถูกบั่นทอนลง เพราะความไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือ 

เครื่องมือพื้นฐานประจำ Browser คุณต้องใช้


  • Internet Explorer
1. ปุ่มถอยหลัง (Back) ซึ่ง Internet Explorer เสริมความสะดวกในการใช้งานด้วยการแสดงรายชื่อเว็บไซต์ที่คุณได้เข้าไปเยี่ยมชมมาเมื่อครู่ ทำให้คุณสะดวกในการเลือกกลับไป โดยไม่จำเป็น ต้องคลิ๊กหลายครั้งให้เมื่อย โดยคลิกที่ลูกศรเล็กๆ ที่อยู่ด้านขวาของปุ่มกด
2. ปุ่มเดินหน้า (Forward) การทำงานเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับปุ่มถอยหลัง
3. ปุ่มหยุด (Stop) เป็นการสั่งให้ Browser หยุดอ่านเว็บเพจหน้าที่คุณกำลังเรียกใช้
4. ปุ่มเรียกใหม่ (Refresh) ถือเป็นปุ่มที่ใช้กันประจำ Browser หากคุณมีปัญหาในเชื่อมต่อเว็บไซต์ จนทำให้ Browser เกิดอาการตีรวน แสดงข้อความ บนหน้าจอว่า "The Page can not be displayed ..." คุณไม่ต้องตกใจว่าเครื่องของคุณเกิดปัญหา คุณเพียงแต่คลิ๊กที่ เท่านั้น หรือในการที่กำลังใช้อินเทอร์เน็ตแล้วผลที่ได้บนหน้าจอไม่ครบ หรือ การเรียกเว็บเพจที่เคยเปิดใช้งานมาแล้วและมีการปรับปรุงข้อมูลใหม่
5. ปุ่มกลับสู่มาตุภูมิ (Home) ใช้เมื่อคุณต้องการที่จะกลับไปยังเว็บไซต์แรก ซึ่งมักจะตั้งไว้ที่เว็บไซต์ของค่ายผู้สร้าง Browser คุณกำหนดการทำงานของปุ่มนี้ได้ โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงที่ Edit > Internet Option คลิ๊กเลือก General ปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ Home page : address ตามประสงค์
6. ปุ่มค้นหา (Search) ใช้เรียกเว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
7. ปุ่มโปรดปราน (Favorites) ใช้สำหรับสะสมเว็บไซต์ที่คุณโปรดปราน
8. ปุ่มประวัติ (History) หากคุณต้องการดูว่าคุณได้ไปท่องที่เว็บไซต์ไหนมาแล้วบ้าง โปรดคลิ๊กที่นี่
9. ปุ่มสถานี (Channels) เรียกดูสถานีที่คุณได้สมัครเป็นสมาชิกไว้
10. ปุ่มเต็มตา (Fullscreen) เพื่อให้ Browser แสดงเว็บเพจให้เต็มหน้าจอ 
11. ปุ่มส่งจดหมาย (Mail) เป็นการเรียกโปรแกรม Outlook Express เพื่อช่วยในการส่งจดหมายอิเล็คทรอนิคส์ (E-mail)
12. ปุ่มสั่งพิมพ์งาน (Print) ซึ่งจะเป็นการสั่งพิมพ์ทันทีโดยไม่แสดง Printer Dialog (สั่งพิมพ์ตามค่ากำหนดใน default printer) นอกจากนี้เรายังสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจที่ link จากเว็บเพจที่คุณสั่งพิมพ์ลงไปได้ 1 ชั้น และยังสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจที่แบ่งเป็นเฟรมได้อีกด้วย
13. ปุ่มแก้ไข (Edit) คุณสามารถเรียกแก้ไขเว็บเพจที่กำลังแสดงผลอยู่ทางหน้าจอได้ทันที โดยจะเรียกโปรแกรม FrontPage Express ซึ่งติดมาพร้อมกับ Browser หรืออาจเรียก โปรแกรมเวอร์ชั่นอื่นขึ้นมาแทน หากว่าเครื่องของคุณติดตั้งเวอร์ชั่นที่สูงกว่า
!! อย่าเพิ่งตกใจ หากหน้าจอคุณมีการแสดงผลที่ต่ำกว่า 800x600 จะมองไม่เป็นปุ่มที่ 12 และ 13 !!
14. แถบติดต่อ (Link Toolbar) เป็นแถบเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ต้องการไปบ่อย ๆ ทำให้สะดวกในการใช้งาน
15. แถบตำแหน่งเว็บไซต์ (Address) สำหรับพิมพ์ตำแหน่งของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ โดยปกติจะนำหน้าด้วย http://www.ชื่อเว็บไซต์.domainname

 
  • Nescape Navigator
1. ปุ่มถอยหลัง (Back) หากคุณต้องการให้แสดงรายชื่อเว็บไซตืที่ไปมาแล้ว ให้กดปุ่มนี้แช่ไว้
2. ปุ่มเดินหน้า (Forward) การทำงานเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับปุ่มถอยหลัง
3. ปุ่มติดต่อใหม่ (Reload)  เพื่อเชื่อมเว็บเพจอีกครั้งในกรณีที่ไม่สามารถแสดงผลทางหน้าจอ หรือแสดงผลไม่ครบ
4. ปุ่มกลับสู่มาตุภูมิ (Home) เพื่อกลับสู่เว็บเพจแรก


5. ปุ่มค้นหา (Search) โดย Nescape Navigator ได้ร่วมกับ Lycos,Yahoo,Exite,Infosee,Hotbot,WebCrawler,AOL โดยจะทำงานร่วมกันบน NetFind
6. ปุ่มสั่งพิมพ์งาน (Print)
7. ปุ่มรักษาความปลอดภัย (Security) เพื่อเรียกดูระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆ
8. ปุ่มหยุด (Stop) เป็นการสั่งให้ Browser หยุดอ่านเว็บเพจหน้าที่คุณกำลังเรียกใช้
 

9. แถบกดเพื่อไม่แสดงแถบรายการต่างๆ เป็นการซ่อนแถบรายการเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ และหากต้องการใช้งานก็ให้กดที่แถบกดอีกครั้ง

10. Personal Tool เป็นแถบรายการส่วนตัวของผู้ใช้ ใช้ในการจัดหมวดหมู่เว็บไซต์
11. แถบรายชื่อสถานี (Channels) ซึ่งเป็นการเข้าสู่สถานเว็บของค่าย Netscape
12. แถบตำแหน่งเว็บไซต์ (Address) 

สำหรับพิมพ์ตำแหน่งของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ โดยปกติจะนำหน้าด้วย http://www.ชื่อเว็บไซต์.domainname

ที่มา  http://www.abnongphai.ac.th/%E1%CB%C5%E8%A7%A4%C7%D2%C1%C3%D9%E9/browser/browser.html

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต

โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอล คือตัวกลาง หรือภาษากลาง ที่ใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการสื่อสาร ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ นับร้อยล้านเครื่องซึ่งแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกัน ทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโปรโตคอลก็จะไม่สามารถที่จะติดต่อสื่อสาร ให้เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโปรโตคอล ก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษา ของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า TCP/IP การทำงานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็คเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะกระจายแพ็คเก็ตออกไปหลายเส้นทาง แพ็คเก็ตเหล่านี้ จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนำมาประกอบรวมกัน เป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง

ระบบไอพีแอดเดรส (IP Address) เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราจะต้องทราบที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP จะมีหมายเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก มีชื่อเรียกว่า ไอพีแอดเดรส ไอพีแอดเดรสจะมีลักษณะเป็นตัวเลข 4 ชุดที่มีจุด ( . ) คั่น เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุด จะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของ ตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจ เราเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส เราเรียกว่า อินเทอร์นิก (InterNIC)
   
โดเมนเนม (Domain Name) เป็นระบบที่นำตัวอักษร ที่จำได้ง่ายเข้ามาแทนไอพีแอดเดรส ที่เป็นตัวเลข แต่ละโดเมนจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน และมักจะถูกตั้งให้คล้ายกับชื่อของบริษัทหน่วยงาน หรือองค์กรของผู้เป็นเจ้าของ เพื่อความสะดวกในการจดจำชื่อ
   
ความหมายโดเมนเนม
โดเมนเนม             ความหมาย
com กลุ่มองค์การค้า (Commercial)
edu กลุ่มการศึกษา (Education)
gov กลุ่มองค์กรรัฐบาล (Governmental)
mil กลุ่มองค์กรทหาร (Military)
net กลุ่มองค์การบริหาร (Network Service)
org กลุ่มองค์กรอื่น ๆ (Organizations)
      โดเมนเนม ที่แสดงข้างบนนี้ เป็นองค์กรที่จดทะเบียนโดเมนเนมไว้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น www.hotmail.com เป็นต้น ส่วนโดเมนเนมที่ตั้งในประเทศอื่น ๆ จะมีตัวย่อเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชุด คือ ตัวย่อของประเทศนั้น ตัวอย่างเช่น www.moe.go.th คือองค์กรรัฐบาลที่อยู่ในประเทศไทย
   
ความหมายโดเมนที่เป็นชื่อย่อของประเทศ
โดเมนที่เป็นชื่อย่อของประเทศ         ความหมาย
au                                      ออสเตรเลีย (Australia)
fr                                       ฝรั่งเศส (France)
th                                      ไทย (Thailand)
      
โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์
         โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) ถึงแม้ระบบโดเมนเนม จะทำให้จดจำชื่อได้ง่าย แต่การทำงานจริง ของอินเทอร์เน็ต ก็จำเป็นต้องใช้ไอพีแอดเดรส อย่างเดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบ ที่จะทำการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส โดยจะต้องจัดการให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ทำหน้าที่ในการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้ จะถูกเรียกว่าโดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) หรือ ดีเอ็นเซิร์ฟเวอร์ (DNS Server)
แสดงเครื่อง DNS SERVER แปลงโดเมนเนมเป็นไอพีแอดเดรส
   
ตำแหน่งอ้างอิงเว็บเพจ
เป็นตำแหน่งที่ใช้อ้างอิงเว็บเพจต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตโดยพิมพ์ URL เข้าไปในช่อง Address ของเว็บเบราเซอร์โดย URL ประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้คือ

                                            www.hotmail.com/data.html 


                            www คือ การแสดงว่าขณะนี้กำลังใช้บริการ www

                            hotmail คือ โดเมนเนมของเว็บไซต์ที่กำลังใช้งานอยู่

                                      data.html คือ ตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บเว็บเพจหน้านั้นอยู่

   
ข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์
เว็บเพจ(Web Page)   คือ ข้อมูลที่แสดงบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ ได้

เว็บไซต์ (Web Site)   คือ เว็บเพจทั้งหลายที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต และบรรจะไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่ง ๆ เช่น เว็บไซต์ www.google.com

โฮมเพจ (Home Page)   คือ เว็บเพจหลักของเว็บไซต์ ภายในโฮมเพจจะมีจะเชื่อมต่อเปิดเข้าไปชมเว็บเพจอื่น ๆ ที่อยู่ภายในเว็บไซต์นี้ได้

โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ (Web Browser)   เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ ในการเปิดเว็บเพจ และสามารถรับส่งไฟล์ทางอินเทอร์เน็ต โดยการแปลงภาษา HTML แล้วแสดงผลคำสั่งให้ออกมาเป็นรูปภาพเสียง และข้อมูลต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันได้แก่ NCSA Mosaic, Netscape Navigator, Internet Explorer และ Opera โปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Internet Explorer

ภาษาHTML (Hyper TextMarkup Language)   เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บเพจ โดยสามารถใส่จุดเชื่อมโยง (Link) ไปยังเอกสารหน้าอื่น ๆ ซึ่งการเชื่อมโยงนี้ถูกเรียกว่า Hypertextหรือเอกสาร HTML ซึ่งเว็บเพจจะใช้รหัสคำสั่ง สำหรับควบคุมการแสดงผลข้อความ หรือรูปภาพในลักษณะต่าง ๆกันได้ โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า แท็ก (Tag) ซึ่งแท็กจะกำหนด ให้เบราเซอร์แปลความหมายของรหัสคำสั่งดังกล่าว เป็นข้อมูลของเว็บเพจและคุณสมบัติพื้นฐานต่าง ๆ ด้วยนอกจากนี้ยังได้มีการนำเอาโค้ดภาษาโปรแกรมที่เรียกว่าสคริปต์ (Script) มาช่วยเพิ่มความสามารถ และสีสันให้เว็บเพจมากขึ้น

WYSIWYG (What-You-See-Is-What-You-Get)    โปรแกรมแบบวิสสิวิกนี้ ใช้สร้างเว็บเพจโดยการนำรูปภาพ หรือข้อความมาวางทับบนเว็บเพจ และเมื่อแสดงผลเว็บเพจ จะปรากฎหน้าเอกสารของเว็บเพจ เหมือนกับขณะที่ทำการสร้าง การใช้งานจะใช้งานได้ง่ายกว่า การเขียนด้วยภาษา HTMLมาก โปรแกรมที่สามารถตอบสนอง การสร้างเว็บเพจแบบ WYSIWYG มีอยู่หลายโปรแกรมให้เลือกใช้เช่น FrontPage, Dreamweaver เป็นต้น



ที่มา  http://forum.datatan.net/index.php/topic,348.msg397.html